ความรู้พื้นฐานคอมพิวเตอร์




ความรู้พื้นฐานคอมพิวเตอร์

(Computing Fundamentals)


คอมพิวเตอร์รอบตัวเรา
                คอมพิวเตอร์มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบตั้งโต๊ะ แบบพกพา ขนาดเล็กใหญ่ ที่มีความสามารถ ตามวัตถุประสงค์ เช่นใช้สำหรับทำงานใช้ที่บ้านเพื่อความบันเทิง หรือเข้าร่วมสังคมออนไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด คอมพิวเตอร์ก็คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถรับข้อมูล และคำสั่งผ่านอุปกรณ์รับข้อมูล แล้วประมวลผลข้อมูล และคำสั่งเหล่านั้น ด้วยหน่วยประมวลผล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ และแสดงผลที่ได้ผ่านอุปกรณ์แสดงผล ตลอดจนสามารถบันทึกข้อมูลไว้ใช้งานได้ด้วยอุปกรณ์สำหรับ บันทึกข้อมูลแบบต่างๆ

ชนิดของคอมพิวเตอร์
                คอมพิวเตอร์อาจถูกแบ่งเป็นหลายประเภท ตามความสามารถในการเก็บข้อมูล และความรวดเร็วในการประมวลผล เช่น เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ ใช้สำหรับการประมวลผลในเครือข่ายขนาดใหญ่ ส่วนไมรโครคอมพิวเตอร์ หรือคอมพิวเตอร์พีซีใช้สำหรับการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่มีขนาดเล็กกว่า ทั้งนี้ปัจจุบันคอมพิวเตอร์มีอยู่หลายรูปแบบทั้งชนดที่ออกแบบมาในรูปของคอมพิวเตอร์โดยตรง และแฝงอยู่ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ดังนี้

คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล(Parsonal Computers)


คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล มีความสามารถประมวลผลข้อมูลรวดเร็วโดยทั่วไปกับธุรกิจขนาดเล็ก ใช้ที่โรงเรียน หรือที่บ้าน

คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คหรือแล็ปท๊อป(Notebooks or Laptop Computers)


คอมพิวเตอร์ที่มีขนาดสะดวกสำหรับการพกพามากกว่าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลมีอุปกรณืเสริมเพิ่มความเพลิดเพลินหรือการใช้งานที่สะดวกขึ้น ออกแบบมาเพื่อให้รับรองการเชื่อมต่อแบบไร้สายเพื่อการสื่อสารข้อมูลและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต

แท็บเล็ต(Tablet)

คอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะคล้ายโน๊ตบุ๊คที่มีความสะดวกสำหรับการพกพา และการเชื่อมต่อข้อมูล หน้าจอสามารถหมุนหรือพับได้ และมีหน้าจอระบบสัมผัส(Touch screen) เพื่อการป้อนข้อมูลโดยใช้นิ้วมือ ปากกา หรือคีย์บอร์ดที่อยู่ภายในเครื่อง (Built-in keyboard)

โทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์แบบพกพา (Hand-held or Mobile computer)

โทรศัพท์มือถือ ในปัจจุบันมีความทันสมัยมากขึ้นถือได้ว่าเป็นคอมพิวเตอร์อีกชนิดหนึ่งที่มีขนาดเล็ก พกพาง่าย มีความสามารถหลายอย่าง เช่น ฟังเพลง ถ่ายรูป อัดวีดีโอ ส่งข้อความ อีเมล ใช้งานอินเทอร์เน็ต ใช้ระบบนำทาง (GPS) โดยราคาของแต่ละรุ่นขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและความสามารถ


พีดีเอ(Personal Digital Assistants)

จัดเป็นคอมพิวเตอร์พกพาที่มีซอฟแวร์เฉพาะสำหรับการนัดหมาย จัดเก็บข้อมูลผู้ติดต่อหรือเขียนบันทึก มีเทคโนโลยีที่เป็ฯหน้าจอแบบสัมผัส

เครื่องเล่นเอ็มพี 3


คอมพิวเตอร์ขนาดพกพาที่จัดอยู่ในประเภทเพื่อความบันเทิงใช้สำหรับฟังเพลง ดูภาพยนตร์ ดูวีดีโอ หรือหนังสือดิจิตอล บนเครื่องหรือผ่านทางอินเทอร์เน็ต

เกมส์


มีคอมพิวเตอร์เป็นส่วนประกอบหนึ่งที่อยู่ด้านในเครื่องเล่นเกมส์ทั้งหลาย ในรูปแบบของชิปประมวลผลขนาดเล็ก เครื่องเล่นหลายเครื่องมีตัวเลือกการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสำหรับเกมส์ออนไลน์


หนังสืออิเล็กทรอนิกส์


อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ออกแบบพิเศษให้มีโปรแกรมสำหรับดาวน์โหลดและดูสำเนาเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ จะพบซอฟต์แวร์สำหรับอ่านหนังสือบนพีดีเอ หรือเครื่องเล่นอื่นๆ

เครื่องคิดเลข
            

ใช้ชิปชนิดเดียวกันกับการคำนวณบนคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่และทำการคำนวณขั้นสูง จะประมวลผลในรูปแบบของเลขฐานสอง คือ 1 หรือ 0

นอกจากนี้อุปกรณ์ชนิดต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น เครื่องใช้ในบ้าน เตาไมโครเวฟ เครื่องเล่นดีวีดี อุปกรณ์เหล่านี้ จะมีการฝังชิปคอมพิวเตอร์สำหรับการทำงานไว้ อุปกรณ์บางอย่างใช้สำหรับงานเฉพาะทาง เช่นเครื่องถอนเงิน (ATM) หุ่นยนต์ (Roboics) อุปกรณ์ทางการแพทย์ การเข้าใช้งานอาจมีการตั้งค่าให้ระบุตัวตนกับการ์ดที่เชื่อมต่อฐานข้อมูล หากอุปกรณ์เหล่านั้นๆ ทำงานผิดพลาดจำเป็นต้องเปลี่ยนชิปหรือติดตั้งใหม่โดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
                เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล มีองค์ประกอบสำคัญที่กล่าวถึงดังนี้
-                   หน่วยระบบ (System Unit)
-                   ไมโครโปรเซอร์ (Microprocessor chip)
-                   หน่วยความจำ (Memory)



หน่วยระบบของคอมพิวเตอร์



ส่วนประกอบทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เรียกว่าเป็นหน่วยระบบ (System Unit) มักจะเป็นส่วนที่สำคัญและมีราคาแพง ใช้สำหรับการประมวลผลข้อมูลในคอมพิวเตอร์ บรรจุอยู่ในเคสของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล แต่ละอุปกรณืแบ่งแยกฟังก์ชันการทำงานเฉพาะอย่าง ส่วนประกอบสำคัญที่อยู่ภายในที่ใช้สำหรับการประมวลผลคือ หน่วยประมวลผลกลาง หรือซีพียู (Central Processing Unit : CPU) ซึ่งในอดีตซีพียู จะแยกส่วนกันทำงานเป็นชิ้นๆ ต่อมาวิศวกรของบริษัทอินเทล จัดส่วนต่างๆ ให้อยู่ภายในชิปแผ่นเดียวกัน เรียกว่า ไมโครโปรเซสเซอร์


ไมโครโปรเซสเซอร์  (Microprocessor)



ไมโครโปรเซสเซอร์ เป็นชิปที่เปรียบเป็นสมองของคอมพิวเตอร์ ที่รับคำสั่ง จากโปรแกรมและป้อนข้อมูลที่ได้รับเพื่อการดำเนินการต่างๆ อาจเรียกว่าเป็นซีพียู หรือโปรเซนเซอร์ มีความสามารถประมวลผลข้อมูลและคำสั่งด้วยความเร็วที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่ความเร็วของสัญญาณนาฬิกา (Clock Speed) มีหน่วยเป็นเฮิรตซ์ (Hz) ทำการวัดความเร็วของนาฬิกาภายในของคอมพิวเตอร์ในแง่ของความถี่หรือจำนวนรอบต่อวินาที เช่น 1 MHz เท่ากับความเร็ว 1 ล้านรอบต่อวินาที ยิ่งความเร็วของสัญญาณนาฬิกาสูงเท่าใด ความเร็วในแต่ละรอบการทำงานการประมวลผลยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น โปรเซสเซอร์ของ lntel เช่นตระกูล Core, Pentium, Celeron และโปรเซสเซอร์จากบริษัท AMD ในตระกูล Phenom, Athlon, Duron โดยแต่ละโปรเซสเซอร์ที่มีอยู่ในท้องตลาดจะแบ่งตามการใช้งานสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละประเภท เช่น สำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล โน๊ตบุ๊ค หรือเครื่องเซิร์ฟเวอร์

หน่วยความจำ (Memory)
หน่วยความจำหลักเป็นหน่วยหนึ่งที่สำคัญ ทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการจดจำข้อมูล และโปรแกรมต่างๆ ที่อยู่ระหว่างการประมวลของคอมพิวเตอร์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1.หน่วยความจำหลักแบบอ่านได้อย่างเดียว
(Read Only Memory : ROM)
2.หน่วยความจำหลักแบบแก้ไขได้
(Random Access Memory : RAM)
          หน่วยความจำที่มีโปรแกรมหรือข้อมูลอยู่แล้วพร้อมที่จะนำมาต่อกับไมโครโพรเซสเซอร์ได้โดยตรง ซึ่งโปรแกรมหรือข้อมูลนั้นจะไม่สูญหาย แม้ว่าจะไม่มีการจ่ายไฟเลี้ยง
          หน่วยความจำที่สามารถเก็บข้อมูลได้เฉพาะเวลาที่มีกระแสไฟฟ้า ทำหน้าที่เก็บชุดคำสั่ง และข้อมูลที่ระบบคอมพิวเตอร์กำลังทำงานอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้าข้อมูล (lnput) หรือ การส่งออกข้อมูล (Output)



หน่วยที่ใช้ในการวัดความจำ
                สำหรับการจัดเก็บข้อมูลของคอมพิวเตอร์จะต้องมีการติดจั้งชิปหน่วยความจำ ซึ่งเป็นระบบไบนารี ประกอบด้วยเลข 0 และ 1 หน่วยวัดความจำที่หน่วยเป็นบิต และไบต์ โดยบิตคือหน่วยข้อมูลที่เล็กที่สุดคือ 0 และ 1 ส่วนไบต์เปรียบเทียบได้กับหนึ่งตัวอักษร ( 8 บิตเท่ากับ 1 ไบต์ )
                ไฟล์ที่ถูกสร้างด้วยโปรแกรมต่างๆ ทุกไฟล์จะมีการจัดเก็บข้อมูลบนหน่วยความจำ มีทุ้งขนาดเล็กและใหญ่ ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่อยู่ในไฟล์นั้นๆ ที่คอมพิวเตอร์จะทำการคำนวณพื้นที่ในการจัดเก็บตามหน่วยการจัดเก็บดังนี้
1.Bit                                       บิต                          0 หรือ 1
2.Byte                                    ไบต์                        8 Bits = 1 Byte  
3.Kilobyte (KB)                 กิโลไบต์                1 KB มีค่าประมาณ 1024 Byte = 1024 Byte
4.Megabyte (MB)              เมกะไบต์              1 MB มีค่าประมาณ 1024 Kilobyte =1,048,576 Bytes
5.Gigabyte (GB)                กิกะไบต์                1 GB มีค่าประมาณ 1024 Megabyte = 1,073,741,824 Bytes
6.Terabyte (TB)                 เทระไบต์               1 TB มีค่าประมาณ 1024 Gigabyte = 1,099,511,627,776 Bytes


อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล
                การจัดเก็บข้อมูลจะถูกจัดเก็บลงไปยัง RAM เป็นการชั่วคราวเพื่อรอให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์บันทึกข้อมูลไปยังอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล ซึ่งการเลือกใช้อุปกรณ์ขึ้นอยู่กับปริมาณของข้อมูลที่ต้องการจัดเก็บ และความรวดเร็วสำหรับการถ่านโอนข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์ที่จัดเก็บข้อมูลอื่นๆ เช่น แฟลชไดร์ฟ หรืออปติคอลดิสก์ สำรองข้อมูล เพื่อความสะดวก สามารถพกพาไปใช้ในสถานที่ต่างๆได้นอกจากนี้สำหรับภาคธุรกิจหรือหน่วยงานใหญ่ๆ จะมีเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย หรือ เซิฟเวอร์ (Server) ให้ผู้ใช้งานสามารถสำรองข้อมูลที่สำคัญ ไว้บนเน็ตเวิร์คไดร์ฟได้ เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลและสามารถกู้คืนข้อมูล กรณีเกิดความเสียหายขึ้นกับข้อมูลนั้น

1.ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (Hard Disk Drive)
                ฮาร์ดดิสก์ คือ อุปกรณืเก็บข้อมูล ที่สามารถเก็บได้อย่างถาวรโดยไม่ต้องมีไฟฟ้าหล่เลี้ยงตลอดเวลาเมื่อปิดเครื่องข้อมูลไม่สูญหาย ดังนั้นจึงใช้ฮาร์ดดิสก์เป็นอุปกรณ์ที่ใช้จัดเก็บระบบปฏิบัติการ โปรแกรม และข้อมูลต่างๆ ดังต่อไปนี้


1.1 แขนของหัวอ่าน (Actuator Arm)

ทำงานร่วมกับ Stepping Motor ในการหมุนแขนของหัวอ่านไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม โดยมีคอนโทรลเลร์ทำหน้าที่เป็นแปลคำสั่งจากคอมพิวเตอร์แล้วเลื่อนหัวอ่านไปยังตำแหน่งที่ต้องการเพื่ออ่าน หรือเขียนข้อมูลและใช้หัวอ่านในการอ่านข้อมูล ต่อมามีการใช้ Voice Coil แทน Stepping Motor เพราะทำงานได้เร็วและแม่นยำกว่า

1.2       หัวอ่าน (Head)

เป็นส่วนใช้อ่านเขียนข้อมูลภายในมีลักษณะเป็นขดลวด การอ่านเขียนข้อมูลคอนโทรลเลอร์จะนำคำสั่งที่ได้รับมาแปลงเป็นแรงดันไฟฟ้า แล้วป้อนเข้าสู่ขดลวดทำให้เกิดการเหนียวนำทางแม่เหล็กไปเปลี่ยนโครงสร้างสารแม่เหล็กที่ฉาบบนแผ่นดิสก์ จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของข้อมูล

1.3       แผ่นจานแม่เหล็ก (Platters)
                             

เป็นจานเหล็กกลมๆ ที่เคลืบสารแม่เหล็กวางซ้อนกันหลายๆ ชั้น (ขึ้นอยู่กับความจุ) และสารแม่เหล็กนี้จะถูกเหนี่ยวนำให้มีสภาวะเป็น 0 และ 1 เพื่อจัดเก็บข้อมูลโดยจานแม่เหล็กนี้จะติดกับมอเตอร์ที่ทำหน้าที่หมุนแผ่นจานเหล็กนี้ ปกติ Hard Disk แต่ละตัวจะมีแผ่นดิสก์ประมาณ 1-4 แผ่น แต่ละแผ่นเก็บข้อมูลได้ทั้ง 2 ด้าน

1.4 มอเตอร์หมุนจากแม่เหล็ก (Spindle Motor)
           
 เป็นมอเตอร์ที่ใช้หมุนของแม่เหล็ก มีความสำคัญมากต่อความเร็วในการหมุนของ Hard Disk เพราะยิ่งมอเตอร์หมุนเร็ว หัวอ่านก็จะเจอข้อมูลที่ต้องการเร็วขึ้น ความเร็ววัดเป็นรอบต่อนาที (Revolution Per Minute หรือ RPM) ปัจจุบันหมุนได้เร็ว 10,000 รอบต่อนาที การพัฒนาให้ Hard Disk หมุนเร็วจะได้ประสิทธิภาพสูงขึ้น

 1.5 เคส (Case)

                      
มีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมที่ใช้บรรจุกลไกต่างๆ ภายในแผ่นดิสก์เพื่อป้องกันความเสียหาย ที่เกิดจากการหยิบ จับ และป้องกันฝุ่นละออง


 ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ,ARIT ,  ARIP  ,  ส.ค.พ.ท.  






                                 http://www.arip.co.th/





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น