โครงสร้างระบบคอมพิวเตอร์
















ความหมายของโครงสร้างคอมพิวเตอร์ระบบ
          ความหมายของคำว่า โครงสร้างมาจากคำภาษาอังกฤษว่า “Stucture” ซึ่งมีความหมายตามพจนานุกรม New Model English – Thai Dictionary ของ So Sethaputra ว่า
             - โครงร่าง, โครง, แผน, รูป, ร่าง
             - อาการ ( หรือวิธี) สร้างของสิ่งใด ๆ
              - ลักษณะ, ทำนอง
             - สิ่งที่สร้างขึ้น, ตึก, โรงเรียน

 คำว่า Structure” จาก Computer Dictionary ของ Microsoft Press Second Edition ให้ ความหมายไว้ว่า  Structure : The design and composition of a program, including program flow, hierarchy, and modularity; also, a collection of dataelements ซึ่งแปลว่า การออกแบบและส่วนประกอบของโปรแกรม รวมถึงแผนภูมิไหลขอโปรแกรม (Program Flow Chart), ลำดับขั้นตอนและส่วนประกอบ, และมีความหมายถึงการรวมกันของข้อมูลด้วยพจนานุกรม “Modern American Dictionary” ให้ความหมายของคำว่า Structure ได้ดังนี้

             - Mode of Building of Arrangement of Parts.
             - Something Constructed.
             - Complex System

คำว่า โครงสร้างในภาษาไทย มาจากคำว่า โครง + สร้าง
             คำว่า โครง หมายถึง โครงร่าง, เค้าโครง หรือโครงสำหรับใช้ในการสร้างสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น โครงที่ใช้ในการสร้างอาคาร, โครงที่ใช้ในการสร้างโต๊ะ เก้าอี้, โครงกระดูกของคน ของสัตว์, ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดเป็นรูปร่างขึ้นมา หรืออีกความหมายหนึ่งจะหมายถึงชิ้นส่วนที่สำคัญที่ใช้เป็นโครสำหรับการสร้างสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นมาก็ได้ส่วนคำว่า สร้าง หมายถึง การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งหรือกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้เป็นผลสำเร็จออกมาจากความหมายดังกล่าวข้างต้นพอจะกล่าวโดยสรุปได้ว่า โครงสร้างคอมพิวเตอร์ คือ ส่วนประกอบที่สำคัญของคอมพิวเตอร์นั่นเอง แต่อะไรคือส่วนประกอบสำคัญของคอมพิวเตอร์

โครงสร้างคอมพิวเตอร์มีความสำคัญต่อการเรียนวิชาคอมพิวเตอร์อย่างไร
             ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่ถูกสร้างโดยองค์ประกอบสำคัญอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ ในการเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ ถ้าเราได้ศึกษาถึงโครงสร้างของคอมพิวเตอร์โดยละเอียดแล้ว จะทำให้เรารู้ถึงความสำคัญและความสัมพันธ์ของส่วนประกอบต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์ อย่างน้อยจะทำให้เรียนมีความสามารถดังนี้
             - ออกแบบสร้าง หรือบอกส่วนประกอบที่สำคัญของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการใช้ หรือออกแบบเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เหมาะกับงานที่ต้องการได้
             - สามารถเลือกซื้อหรือเลือกใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ให้เหมาะกับงานได้
             - สามารถประกอบหรือปรับปรุง (Up Grade) เครื่องคอมพิวเตอร์ให้ทันสมัยหรือเหมาะกับการใช้งาน
             - สามารถบอกหรือซ่อมเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ขัดข้องด้วยตัวเองได้

โครงสร้างคอมพิวเตอร์ คือส่วนประกอบใดของคอมพิวเตอร์
             ส่วนประกอบสำคัญของเครื่องคอมพิวเตอร์ จะหมายถึงสิ่งสำคัญ 2 ประการด้วยกัน คือ
             - ชิ้นส่วน หรืออุปกรณ์ที่นำมาประกอบกันขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น ซีพียู จอมอนิเตอร์ว่าจะต้องมีอะไรบ้าง และแต่ละชิ้นนั้นมีหน้าที่ในการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างไร วงจรการทำงานของอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนนั้น ๆ เพราะการทำงานของชิ้นส่วนต่าง ๆ หรือของอุปกรณ์ต่าง ๆ จะขึ้นอยู่กับวงจร ถ้าไม่มีวงจรอุปกรณ์นั้นจะทำงานไม่ได้ หรือถ้าวงจรของอุปกรณ์นั้นเกิดชำรุดเสียหาย อุปกรณ์นั้นก็จะทำงานไม่ได้หรือทำงานผิดพลาดขึ้น




ความหมายของอ เครื่องคอมพิวเตอร์

ระบบเครื่องคอมพิวเตอร์ และระบบการทำวานของเครื่องคอมพิวเตอร์
             ความหมายของคำว่า คอมพิวเตอร์” “ ระบบเครื่องคอมพิวเตอร์และ ระบบการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ดังนั้น จะต้องทำความเข้าใจใน 3 เครื่องที่สำคัญนี้ก่อน คือ             - คำว่า คอมพิวเตอร์ภาษาอังกฤษ เรียกว่า Computer ซึ่งมาจากคำว่าCompute แปลว่า คำนวณและคำว่า “Computer” ก็แปลว่า เครื่องคำนวณนั่นเอง ทั้งนี้เพราะวัตถุประสงค์ของผู้สร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ในครั้งแรกก็เพื่อใช้ในการคำนวณ หลักการสำคัญในการทำงานของคอมพิวเตอร์ จะเรียกว่า การโปรเซส (Process)” ซึ่งเป็นวงจรที่มีหน้าที่สั่งการและควบคุมการทำงานของวงจรการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกวงจรให้ทำงานตามความต้องกมารของโปรแกรมที่ได้กำหนดไว้ ต่อมาได้มีการพัฒนาปรับปรุงวงจรโปรเซสเซอร์ ให้อยู่ในรูปของวงจรรวม ที่เรียกว่า วงจรไอซี (IC : Integrated Circuit) หรือที่เรียกในปัจจุบันว่า ซีพียู (CPU : Central Processing Unit)” ความหมายของ คอมพิวเตอร์หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ จะหมายถึงตัวProcessor หรือตัว CPU นั่นเอง ซึ่งจะไม่รวมอุปกรณ์เครื่องพ่วงอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย             - คำว่า ระบบเครื่องคอมพิวเตอร์หมายถึง ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ประกอบกับอุปกรณ์ทำงานต่าง ๆ ของเครื่องที่เรียกว่า เครื่องพ่วงหรืออุปกรณ์พ่วง (Peripheral)ต่าง ๆ ที่ ประกอบกันเข้าเป็นระบบเครื่องคอมพิวเตอร์ (Computer System) ดังนั้น คำว่าระบบเครื่องคอมพิวเตอร์ จึงหมายถึง เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วนคือ            - อุปกรณ์เครื่องพ่วงที่ใช้เป็นอุปกรณ์นำข้อมูลเข้า ที่เรียกว่า Input Unit เช่น คีย์บอร์ด เมาส์ สแกนเนอร์ เป็นต้น            - ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือซีพียู ซึ่งมีหน้าที่สั่งการ และควบคุมการทำงานของวงจรทางด้านนำข้อมูลเข้า (Input Devices) และอุปกรณ์นำข้อมูลออก (Output Devices)            - อุปกรณ์เครื่องพ่วงที่ใช้เป็นอุปกรณ์นำข้อมูลออก ที่เรียกว่า Output Unit เช่น Printer และจอมอนิเตอร์ เป็นต้น







             อุปกรณ์เครื่องพ่วงทุกชิ้นไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ทางด้านนำข้อมูลเข้า หรือนำข้อมูลออก เป็นอุปกรณ์อิสระที่สามารถทำงานด้วยตัวของตัวเอง และมีลักษณะเป็นชิ้นส่วนที่สามารถแยกหรือนำมาประกอบกันได้ เรียกว่า โมดูล (Module) ผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถที่จะนำชิ้นส่วนใด ๆ ตามที่ต้องการ จึงเรียกระบบคอมพิวเตอร์ว่าเป็นระบบโมดูลา (Modular System) ทำให้ผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ได้รับประโยชน์อย่างน้อย ดังนี้
             - ผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถเลือกใช้อุปกรณ์อะไรเป็นอุปกรณ์นำข้อมูลเข้า และนำข้อมูลออก ประกอบเป็นระบบเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ตามความต้องการที่เหมาะสมกับงานและเงินของตนเอง
             - เป็นการประหยัดเวลาในการสร้างหรือประกอบระบบเครื่องคอมพิวเตอร์ เพราะอุปกรณ์ทุกชิ้นเป็นโมดูล (Module)
             - เป็นการประหยัดเงิน และค่าใช้จ่ายในการประกอบเป็นระบบเครื่องคอมพิวเตอร์ เพราะใช้แต่อุปกรณ์ที่จำเป็นในการทำงานเท่านั้น
             - เป็นการสะดวกและง่ายในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่าง ๆ ในกรณีอุปกรณ์ชำรุด หรือเสีย หรือในกรณีที่ต้องการเพิ่มหรือลด (Upgrade) เช่น การเพิ่มหน่วยความจำ การเพิ่มความจุของดิสก์ เป็นต้น
       - ระบบการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ หมายถึง หลักและวิธีการทำงานในระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งมีอยู่หลายวิธีการด้วยกัน เมื่อกล่าวโดยสรุป วิธีการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์แบ่งออกได้เป็น 2 วิธีใหญ่ ๆ คือ
             - การทำงานในลักษณะของแบ็ตโปรเซสซิง (Batch Processing) ซึ่งอาจจะทำครั้งละหนึ่งงาน หรือครั้งละหลายงานพร้อมกันก็ได้ เรียกว่า การทำงานเป็นแบบมัลติโปรแกรมมิง (Multi Programming) วิธีนี้เป็นวิธีการที่รวบรวมงานทั้งหมดที่จะทำในครั้งเดียวกัน เอามาทำพร้อมกัน โปรเซสพร้อมกัน และได้ผลของงานพร้อมกัน
             - การทำงานในลักษณะออนไลน์ (On-line Processing) เป็นการทำงานในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่ไม่จำเป็นต้องรวบรวมงานเพื่อทำเป็นกลุ่ม เช่น การฝาก – ถอนเงินจากเครื่องคอมพิวเตอร์ออนไลน์ (ATM) การอัพเดตบัญชีด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ของธนาคารโดยเจ้าของบัญชีเป็นผู้ทำงานเอง


การเลือกใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เหมาะกับงาน
             เครื่องคอมพิวเตอร์ 4 ประเภทที่เหมาะกับการทำงาน
             - ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supper Computer) เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง และมีอัตราการทำงานสูง ส่วนมากจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับการทำงานชนิดพิเศษ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม เครือข่ายสายการบิน
 - เครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรม (Main Frame Computer) เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่รองลงมาจากซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ ส่วนมากจะใช้กับงานขนาดใหญ่ เช่น เครื่องของสำนักงานสถิติแห่งชาติสำหรับการประมวลผลสำมะโนต่าง ๆ เป็นต้น เครื่องแมนเฟรมยังแบ่งออกตามวัตถุประสงค์ได้เป็นอีก 4 ประเภทด้วยกัน คือ
             - เครื่องสำหรับงานด้านวิทยาศาสตร์ แต่จะมีการประมวลผลหรือการคำนวณมากการทำงานของเครื่องจะหนักไปในการใช้ซีพียูมาก ซึ่งเรียกว่า การทำงานแบบ CPU Bound
             - เครื่องสำหรับงานด้านธุรกิจ (Business Purposed Computer) เหมาะสำหรับการประมวลผลที่มีข้อมูลนำเข้า และข้อมูลนำออกเป็นจำนวนมากแต่ต้องการใช้ซีพียูน้อย เช่น
             - งานทางด้านประมวลผลสถิติ หรืองานทางด้านธุรกิจการเงิน การบัญชี และมักจะเรียกงานประเภทนี้ว่า เป็นงาน I/O Bound
             - เครื่อง คอมพิวเตอร์สำหรับงานเฉพาะกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สร้างขึ้นมาสำหรับการใช้งานอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้สำหรับงานแพทย์โดยเฉพาะ
             - เครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับงานทั่วไป เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาสำหรับใช้ได้กับงานทั่ว ๆ ไป ส่วนมากจะเป้นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีอุปกรณ์ทางด้านอินพุตและเอาท์พุตจำนวนมาก มีหน่วยความจำค่อนข้างมากและมีซีพียูที่มีประสิทธิภาพสูง

-เครื่องมินิคอมพิวเตอร์ (Mini Computer) เป็นเครื่อง คอมพิวเตอร์ชนิดเมนเฟรมแต่เป็นขนาดเล็ก เหมาะสำหรับการช่วยเครื่องเมนเฟรมทำงานต่าง ๆ เช่น ใช้เป็นเครื่องรับ / ส่งข้อมูลในระบบออนไลน์ของเครื่องเมนเฟรม

เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ หรือที่เรียกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC : Personal Computer) เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กกว่าเครื่องเมนเฟรมและมินิคอมพิวเตอร์มาก แต่มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง ซึ่งสามารถทำงานที่มีขนาดใหญ่ ๆ แทนเครื่องเมนเฟรมได้ เป็นเครื่องที่มีความเร็วในการทำงานสูงแต่มีราคาถูกกว่าเครื่องเมนเฟรมมาก






เมนบอร์ด (Main Board)
           เมนบอร์ดระบบเป็นแผนวงจรขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในกล่องที่เรียกว่า เคส
(CASE) ของเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด หลายรูปแบบ ซึ่งผู้นำมาประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์จะต้องเลือกให้ถูกต้องและเหมาะสมกับซีพียูแต่ละรุ่น เช่น


เมนบอร์ดที่ใช้กับซีพียูแบบซ็อกเก็ต (Socket) เป็นเมนบอร์ดที่ใช้กับซีพียูที่มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตรัสซึ่งมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน เช่น
                 •  Socket 7
                 •  Socket 370
                 •  Socket A
                 •  Socket 423

 เมนบอร์ดแบบ Slot เป็นเมนบอร์ดที่ใช้กับซีพียูที่อยู่ในรูปสล๊อต คือ มีลักษณะเป็นแผงเสียบ (Card) ขนาดยาวซึ่งมีหลายชนิด เช่น
                 •  Slot 1
                 •  Slot A

หน่วยประมวลผลกลาง (Center Processing Unit)
CPU หรือ Central Processing Unit เป็นวงจรที่มีหน้าที่สั่งการ และควบคุมการทำงานของวงจรทุกวงจรในเครื่องคอมพิวเตอร์ตามความต้องการของโปรแกรม คือ

•  หน้าที่ที่สำคัญของซีพียู คือ
                 •  สั่งและควบคุมการทำงานของวงจรทุกวงจรตามความต้องการของโปรแกรม
                 •  สั่งและควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ของระบบเครื่องตามความต้องการของโปรแกรม
                 •  ควบคุมการทำงานของระบบเครื่องตามความต้องการของโปรแกรมระบบปฏิบัติการของเครื่อง
                 •  เป็นผู้ทำหน้าที่ในการ Load, Decode และ Execute โปรแกรมทุกโปรแกรมในการทำงานของโปรแกรม

ส่วนประกอบสำคัญของซีพียู มี ส่วนใหญ่ ๆ คือ
                 •  CPU Control Unit
                 •  Logical Unit
                 •  Arithmetical Unit

อุปกรณ์การเชื่อมต่อและจุดเชื่อมต่อ (System Slot and socket)
เป็นอุปกรณ์หรือจุดสำหรับการเชื่อมกับอุปกรณ์ภายนอกเพื่อใช้ในการทำงานร่วมเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมในขณะนี้ คือ

  สล็อตและซ็อกเก็ต (System Slot and Socket) เป็นอุปกรณ์สำหรับการติดตั้งซีพียูและแผงวงจรที่เรียกว่า Card ต่าง ๆ เช่น Display Card, Printer Card เป็นต้น ซึ่งเป็นส่วนที่ติดอยู่กับเมนบอร์ด ผู้ซื้อเครื่องควรจะทราบรายละเอียดก่อนการตัดสินใจซื้อเครื่อง ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการอัพเกรดเครื่องในภายหลังเนื่องจากชิ้นส่วนนี้จะเป็นตัวจำกัดการอัพเกรดของเครื่องอย่างหนึ่ง
                 •  อุปกรณ์การเชื่อมต่อ (Connector)
                 •  จุดเชื่อมต่อ (Port)

•  พอร์ตที่ใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่สำคัญมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน
                 •  พอร์ต SCSI
                 •  พอร์ตยูเอสบี ( USB Port )
                 •  พอร์ตเอจีพี
                 •  พอร์ตพีเอสทู

หน่วยถ่ายทอดข้อมูล (BUS)
           เป็นหน่วยวงจรที่ทำหน้าที่ในการถ่ายโอนข้อมูล หรือการส่งผ่านข้อมูล(Data Transferring) จากอุปกรณ์ต่าง ๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่นอกเครื่องไปยังหน่วยประมวลผล กลาง (CPU) หรือตรงกันข้าม คือ การถ่ายทอดข้อมูลจากซีพียูไปยังอุปกรณ์ต่าง ๆ นอกเครื่อง เช่น การถ่ายทอดข้อมูลจากดิสก์ไปยังซีพียู หรือถ่ายทอดข้อมูลจากซีพียูไปยังเครื่องพิมพ์ เป็นต้น

  เส้นทางผ่านข้อมูล ในการถ่ายทอดข้อมูล (Data Transferring) ต้องใช้อุปกรณ์ที่ประกอบด้วยกลุ่มของสายไฟฟ้าจำนวนตั้งแต่หนึ่งเส้นขึ้นไป เรียกว่า BUS แบ่งเป็นประเภทดังที่กล่าวไว้บ้างแล้วในบทที่ คือ
                 •  Address Bus
                 •  Control Bus
                 •  Data Bus

 ความเร็วของระบบบัส (BUS Speed)

ประเภทของบัส แบ่งตามสถาปัตยกรรมและเทคโนโลยี

                 •  ไอซ่าบัส (ISA : Industry Standard Architecture) เป็นบัสรุ่นแรก แบบ บิต ต่อมาได้ขยายเป็น 16 บิต มีความเร็วตั้งแต่ ถึง 12 MHz ต่อวินาที แต่ยังคงใช้อยู่ในเมนบอร์ดปัจจุบันส่วนมาก
                 •  บัสแบบไมโครแชลแนล (MCA : Micro Channel) เป็นบัสแบบ 32 บิต ที่บริษัทไอบีเอ็มได้สร้างขึ้นเพื่อใช้กับเครื่องระบบ 32 บิต แต่ไม่มีผู้นิยมใช้กันมากนักเพราะจะต้องซื้อลิขสิทธิ์จากบริษัทไอบีเอ็ม ทำให้ต้นทุนในการสร้างเครื่องมือราคาสูงขึ้น
                 •  บัสอีซา (EISA : Extended ISA) เป็นบัสแบบ 32 บิต เหมือนเอ็มซีเอ (MCA)แต่สามารถทำงานที่ ความเร็ว 20 MHz ต่อวินาที และสามารถใช้ได้กับการ์ดเพิ่มขยายชนิด บิต และ 16 บิต ได้ด้วย ส่วนข้อเสียของบัสชนิดนี้ คือ ความช้าในการทำงาน โดยจำกัดที่ความเร็วแค่ 20 MHz เท่านั้น
                 •  บัสวีซา (Vesa : Video Electronic Standard Association) เป็นบัสที่สร้างตามมาตรฐานความต้องการของกลุ่มผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นบัสแบบ 32 บิต ที่มีความเร็วในการทำงานสูง คือ สามารถทำงานได้ที่ความถี่ 33 ถึง 40 MHz ทำให้ได้ความเร็วในการับ / ส่งข้อมูลได้ถึง 133 ถึง 148 เมกะไบต์ต่อวินาที
                 •  บัสพีซีไอ (PCI : Peripheral Components Interconnect) ของบริษัทอินเทลเป็นระบบบัสแบบ 64 บิต มีความเร็วที่ 100 – 133 MHz ซึ่งสามารถส่งข้อมูลได้ถึง264 เมกะไบต์ต่อวินาที
                 •  บัสเอจีพี (AGP : Accelerated Graphic Port ) เป็นบัสที่สร้างขึ้นโดยอ้างอิงมาตรฐานของ PCI แต่มีความเร็วกว่า CPI ถึง เท่า คือ มีความเร็วถึง 533 เมกะบิตต่อวินาที
                 •  บัส PCMCIA ย่อมาจาก Personal Compputer Memory Card International Association) เพื่อใช้กับคอมพิวเตอร์แบบโน๊ตบุ๊ค ความเร็วบัสสูงสุดไม่เกิน 33 MHzมีบัสแอดเดรสแบบ 26 บิต ดังนั้น จึงสามารถอ้างหน่วยความจำได้เพียง 64เมกะไบต์เท่านั้น

วงจรชิปเซ็ต (Chip Set)
                 •  วงจรที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าวงจรซีพียูวงจรหนึ่ง ที่คนมักไม่ค่อยพูดถึงกัน คือ วงจรชิปเซ็ต (Chip Set) ซึ่งเป็นวงจรภายในเมนบอร์ด คือ เป็นวงจรที่ติดอยู่กับเมนบอร์ดที่ช่วยซีพียูในการเชื่อมโยงการทำงานของซีพียูกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในเมนบอร์ด เช่น การติดต่อซีพียูกับพอร์ตและการ์ดต่าง ๆ


  




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น